สถานการณ์แบบนี้... ท่านจะเลือกเดินทางไหน....?
การระบาดของโควิดในรอบล่าสุดยังไม่มีทีท่าที่จะหยุดหรือลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกรุงเทพเพราะมีคลัสเตอร์การระบาดเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆแทบจะทั่วทุกเขตของกรุงเทพ ส่วนการระบาดของต่างจังหวัดไม่สามารถชะล่าใจได้ เพราะถ้าเผลอ หละหลวม ผ่อนคลายเมื่อไหร่ ก็กลับมาระบาดซ้ำอีกเป็นประจำ!
ที่น่ากังวลก็คือ ยังมีผู้ติดเชื้อที่ยังตรวจไม่พบ ทั้งในกรุงเทพและจังหวัดต่างๆอีกจำนวนเท่าไหร่ ที่จะกลายสภาพเป็นคลัสเตอร์อันใหม่แบบไม่ทันตั้งตัวในอนาคตอันใกล้..!?
ถ้าตัวเลขการระบาดยังระเบิดระเบ้อต่อเนื่องแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะส่งผลกระทบยาวนานกับ 'ธุรกิจและกิจกรรม' ที่ต้องพบปะกันจำนวนหลายคน และกิจกรรมในสถานที่คับแคบทุกกิจกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นั่นหมายความว่า...
ผู้ประกอบการ มีทางที่ (ต้อง) เลือก ไม่มากนัก...
ทางแรก... เลิก!
เส้นทางนี้ไม่มีใครอยากเดิน แต่หลายๆธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจเล็กๆจำเป็นต้องเดิน เพราะไม่มีลูกค้า ไม่มีรายได้ สายป่านสั้นขาดแคลนเงินหมุนเงินสด
ธุรกิจใดที่เข้าเงื่อนไขแบบนี้ (ไม่มีลูกค้า ไม่มีรายได้ ขาดแคลนเงินสด) ยิ่งเลิกได้เร็วจะยิ่งบอบช้ำไม่หนัก! และไม่แนะนำให้ฝืน หรือรอความหวัง ถึงแม้จะมีการทยอยฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจจะฟื้นในเร็ววัน ถ้าไม่ไหว อย่าฝืน เลิกได้ก็ควรเลิก ไว้มีโอกาส มีจังหวะ อาจกลับเข้ามาทำใหม่หรือมองหาธุรกิจใหม่ๆทำในอนาคต แต่ถ้าฝืนแบบไปกู้หนี้ยืมสินโดยเฉพาะยืมเงินจากนอกระบบที่ดอกเบี้ยมหาโหด จะยิ่งทำให้เจ็บหนักมากยิ่งขึ้น
ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องอาย ถ้าไม่ไหว เลิกซะ! (หลายๆ ธุรกิจต่างก็เลิกเพราะสถานการณ์บังคับไปจำนวนไม่น้อยแล้ว)
ทางที่สอง... พัก
เส้นทางนี้ ก็เป็นอีกเส้นทางที่ผู้ประกอบการไม่อยากเลือกเดิน แต่ถ้าพิจารณาดูแล้ว การพักระยะสั้นๆในช่วงนี้ (เช่น 3 เดือน 6 เดือน) ดีกว่าการทำต่อแบบไม่มีอนาคต มีแต่เงินไหลออก ไม่มีเงินไหลเข้า และตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมีแต่ตัวเลขหนี้สินสะสมเพิ่มขึ้นทุกเดือน บางทีการหยุดพักสักระยะอาจเป็นทางเลือกดีกว่าฝืนไม่หยุดไปพร้อมๆกับเลือดไหลหมดตัว
การพักในที่นี้ นอกจากหยุดธุรกิจชั่วคราวแล้ว ยังรวมถึงการพักชำระหนี้ (กรณีมีหนี้จากการกู้ในระบบ มีหนี้การค้าจากการสั่งซื้อสินค้าต่างๆ ฯลฯ) แต่ไม่ได้หมายถึงการเบี้ยว การไม่จ่ายหนี้ ซึ่งส่งผลเสียกับเรื่องเครดิตและการฟ้องร้องบังคับคดีในอนาคต
แต่หมายถึงการเจรจากับธนาคาร ซึ่งธนาคารส่วนมากพร้อมเจรจาอยู่แล้ว ไม่มีธนาคารที่ไหนอยากให้หนี้สูญหรือต้องไปฟ้องร้องเป็นคดีความอีกนาน ถ้าไปคุยอย่างตรงไปตรงมา ขอผ่อนผันทั้งในเรื่องดอกเบี้ย ในเรื่องการผ่อนชำระ ในเรื่องการยืดระยะเวลา ถ้าธนาคารพอรับได้ก็น่าจะเป็นการพักแบบไม่แบกหนี้หลังแอ่น
ส่วนคู่ค้าที่มีการสั่งซื้อสินค้า ก็ควรจะเจรจาขอพักหรือขอผ่อนชำระในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าปกติ แต่ยินดีชำระซึ่งคู่ค้าก็น่าจะรับได้ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
ในการพักครั้งนี้ ไม่ใช่การเลิก แต่เป็นการพักแบบไม่ฝืน โดยในช่วงที่พักหายใจหายคอจนตั้งสติได้แล้ว ก็ต้องรีบมองหาช่องทาง หาแนวทางว่า เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม จะกลับมาทำธุรกิจเดิมหรือเริ่มธุรกิจใหม่!
ทางที่สาม... ฝืน
ทางเลือกนี้ เหมาะกับผู้ประกอบการและธุรกิจที่ยังพอไปได้ เพียงแต่ช่วงนี้รายได้อาจจะหายไปหรือลดลงแบบน่าตกใจ แต่เป็นการลดลงระยะสั้นไม่กี่เดือนหรือไม่เกินครึ่งปี
ทางเลือกนี้ เหมาะกับธุรกิจที่ยังพอมีรายได้จากฐานลูกค้าเดิมหรือลูกค้าประจำเข้ามาบ้าง ถึงแม้จะไม่มากแต่ก็พอหล่อเลี้ยงค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ทางเลือกนี้ เหมาะกับธุรกิจที่ยังพอมีกระแสเงินสดสะสมไว้บ้าง ไม่ใช่มีรายได้เข้ามามากในช่วงก่อนโควิดแล้วไปเร่งขยายธุรกิจ พอโควิดมาหลายระลอก ก็แทบล้มทั้งยืน!
มีบางธุรกิจเพิ่งตกแต่งขยายสาขาสวยงามในห้างใหญ่เตรียมจะเปิดตัว พอโควิดระลอกนี้มา ไม่ทันเปิดตัวก็ต้องปิดหมดเงินไปหลายสิบล้าน น่าเห็นใจอย่างนิ่ง
ทางเลือกนี้ เหมาะกับธุรกิจที่ยังพอไปได้ไม่ว่าจะมีโควิดหรือไม่มีโควิด แต่ถ้าเป็นธุรกิจโรงแรมที่เดิมเน้นรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือธุรกิจบริการที่เน้นรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก คงไม่เหมาะที่จะใช้ทางเลือกนี้ เพราะฝืนไปมีแต่เจ็บตัวหมดตัว
ทางที่สี่... ปรับ/เปลี่ยน
อันนี้หลายธุรกิจต่างก็เลือกเส้นทางนี้กันมาพักใหญ่ทั้งธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ต่างก็รู้ว่าถ้าไม่ปรับก็ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเท่าเดิมแต่รายได้ลดลงกว่าเดิมมาก
การปรับมีหลากหลายรูปแบบ เช่น
เมื่อสถานการณ์การระบาดยังคงระบาดต่อเนื่อง ลูกค้าไม่เข้าห้างไม่เดินทางมาซื้อสินค้า ก็ต้องเพิ่มช่องทาง Online หรือช่องทาง Tele-Sales เพื่อติดต่อเชิงรุกทดแทนการรอลูกค้ามาติดต่อที่นับวันจะลดลง
บางธุรกิจอาจทำมากว่าปรับ เป็นเปลี่ยน Business Model ไปเลย ใช้ทรัพยากรเดิมๆที่มีอยู่ นำบางส่วนมาต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่ หรือทำธุรกิจใหม่แบบใช้ต้นทุนน้อยควบคู่ไปกับธุรกิจเดิม เมื่อเริ่มมีอนาคต ธุรกิจใหม่จะได้มาทดแทนธุรกิจเดิมได้เป็นต้น
สรุปแล้ว...
ทางที่(ต้อง)เลือก ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย...
จะให้ดี เราควรเป็นฝ่ายเลือกเพราะจะมีโอกาสรอด แต่ถ้าเราไม่เลือก แล้วถูกสถานการณ์บังคับให้เลือกแบบไม่มีทางเลือก อาจเป็นทางเลือกที่ไม่รอดนะครับ!