"ความรู้" สู่ "ความสามารถ"
ความรู้ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ความรู้ในเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจ องค์กร การตลาด การขาย การเงิน ภาษา เทคโนโลยี ฯลฯ
แต่ลองสังเกตดูสิครับ คนที่มี "ความรู้"มากมาย หลากหลายประเภท แต่ไม่สามารถ "ย่อย- สังเคราะห์ ความรู้ ให้กลายเป็นความสามารถ" ก็อาจทำธุรกิจ บริหารกิจการไปได้ไม่ไกล หรือ ไปไม่รอด!
ถ้าจะถามว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? ก็ขออนุญาตตอบง่ายๆ เลยนะครับว่า "ความรู้"กับ "ความสามารถ"เป็นทั้ง "ความเหมือนและความต่าง"ของกันและกัน!
อ่านแล้วเหมือนอภิปรัชญาเลยหรือเปล่าครับ?
เพื่อไม่ให้ท่านต้องคิดมาก (เพราะสมัยนี้ ผู้คนส่วนมากชอบ เสพ ชอบย่อย แบบเร็วๆ ง่ายๆไม่ชอบคิด ไม่ชอบตีความ อะไรที่ลึกซึ้งชวนปวดหัว เพราะแต่ละวันมีเรื่องที่ทำให้ต้องปวดหัวเยอะพออยู่แล้ว!) ในเมื่อแยกไม่ออกว่า "ความรู้และความสามารถ" เป็นทั้งความเหมือนและความต่างก็ไปเข้าใจผิดว่า เป็นสิ่งเดียวกัน ก็เลยพาลไปคิดว่า มีความรู้เพียงพอ มีความรู้มากมาย ก็ใช้ความรู้โดยไม่รู้วิธีพลิกแพลง ยืดหยุ่น ผลก็คือ ความรู้ที่ใช้ไม่สามารถสร้างโอกาส ไม่สามารถแก้ปัญหา หรือ อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหม่ๆ ขึ้นมาแทน!
เพื่อให้ท่านเห็นภาพชัดยิ่งขึ้น เราลองมาแยกแยะ "ความรู้"กับ "ความสามารถ"(ในมุมมองของผม ซึ่งอาจจะแตกต่างกับนักทฤษฎีท่านอื่นๆ ก็คงไม่ว่ากันนะครับ!)
ในมุมมองของผม ผมตีความจากการสั่งสอนของสุภาษิตจีนเก่าแก่ที่ว่า "ความรู้เป็นของตาย แต่คนและสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นของเป็น!" ซึ่งก็หมายความว่า การศึกษา การเรียนและการใช้ความรู้ เป็นสิ่งที่ต้องพินิจพิจารณาในการ "เลือกความรู้" และ "การผสมผสานความรู้" ที่เป็นของตาย ดิ้นไม่ได้หรือความรู้บางอย่างอาจล้าสมัย ไม่สดใหม่ ไม่ทันเหตุการณ์ปัจจุบัน มาปรับใช้ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน สิ่งแวดล้อมที่แตกต่าง รวมทั้ง คน ที่มีความละเอียดอ่อน เพื่อเปลี่ยน "ความรู้ที่มี" มาใช้ให้เกิดผล ที่เรียกว่า "ความสามารถ…ในการเลือก ผสมผสานความรู้มาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน!"
เพราะฉะนั้น ความรู้ ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ ท่านรู้หรือมีความรู้เรื่องอะไรบ้าง? ส่วน ความสามารถก็คือท่านนำสิ่งที่ท่านรู้มาใช้ให้เกิดผลอย่างไร นี่คือความเหมือนและความแตกต่างระหว่างความรู้กับความสามารถ
ยิ่งมีความรู้มากๆ ก็ยิ่งดี แต่ถ้า รู้มากโดยไม่รู้วิธีนำความรู้มาปรับใช้ บางครั้งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับสถานการณ์หรือธุรกิจที่ท่านทำ มากกว่า การรู้ไม่มากแต่รู้วิธีการนำสิ่งที่รู้มาปรับใช้
ยิ่งในภาวะปัจจุบัน เราสามารถแสวงหาความรู้ได้มากมายหลายช่องทางแบบง่ายๆ ทั้งหนังสือ นิตยสาร อินเทอร์เน็ต วิทยุ ทีวี ฯลฯ จนแทบจะเรียกว่าเป็น "ยุคแห่งการสำลักความรู้"จนหลายๆ ท่านเริ่มสับสนกับสิ่งที่เรียกว่า"ความรู้"ที่มีมากมายหลายสำนัก
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าผมต่อต้าน ความรู้ นะครับ ตรงกันข้ามเลย ผมเป็นคนที่ชอบความรู้ ชอบมากๆ เพียงแต่ชอบ การเรียนรู้จากความรู้ เพื่อนำสิ่งที่เรียนรู้มาปรับใช้มากกว่าเท่านั้น! เพราะผมคิดว่า ไม่สำคัญนักหรอกครับว่าเรารู้มากเท่าไหร่ แต่สิ่งที่สำคัญคือเรา นำสิ่งที่เรารู้มาใช้อย่างไรมากกว่า
ตัวอย่างเช่น แทนที่เราจะเอาความรู้เรื่อง การตลาด เรื่องการขาย เรื่องการบริหารจัดการที่เราสามารถท่องทฤษฎีได้อย่างแม่นยำมาใช้โดยไม่ได้วิเคราะห์ ความแตกต่าง และความเหมือนของ สังคม สภาวะแวดล้อม สถานการณ์ ช่วงแห่งความสุกงอมหรือเงื่อนไขที่แตกต่างกัน เรานำมาใช้ตามตำราเป๊ะ ซึ่งอาจจะเหมาะสมถ้ากำลังทำข้อสอบในสมัยเด็กๆ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง
ถ้าจะเปลี่ยนความรู้ให้เป็นความสามารถ ท่านลองพิจารณาแนวทางนี้ดูนะครับ ว่าเหมาะกับท่านหรือไม่?
ความรู้ส่วนใดที่สามารถนำมาใช้ได้โดยแทบจะไม่ต้องพลิกแพลง
ความรู้ส่วนใดที่สามารถนำมาใช้ได้ แต่ต้องพลิกแพลง เปลี่ยนแปลงรายละเอียดให้เหมาะสมกับสภาวสถานการณ์ของแต่ละธุรกิจ องค์กรที่แตกต่างกัน
ความรู้ชนิดใดที่ไม่ควรนำมาใช้เลยในวันนี้ เพราะอาจจะเหมาะสมในอดีตแต่ไม่เหมาะสมสำหรับปัจจุบัน หรือ ไม่เหมาะสมสำหรับปัจจุบัน เพราะเร็วเกินไป ใหม่เกินไป ต้องรออีกสักระยะถึงจะนำมาใช้ได้
และความรู้ชนิดใดที่ท่านควรเรียนรู้ เพียงแค่รู้ เพื่อจุดประกาย ต่อยอด เพื่อให้เกิดความรู้ใหม่ที่เหมาะสมกับท่าน สามารถนำมาใช้ได้กับปัญหา สถานการณ์ที่ท่านกำลังเผชิญ…
มาถึงตรงนี้ ผมเชื่อว่า ท่านเห็น ความแตกต่างระหว่าง "ความรู้" กับ "ความสามารถ"ได้ชัดเจน และหวังว่าทุกท่านคงจะสนุกกับการใช้ "ความสามารถในการใช้ความรู้"นะครับ!
โดย : อ.ธีรพล แซ่ตั้ง