ช่องว่าง ระหว่าง 'เถ้าแก่' กับ 'มือปืนรับจ้าง'
ธุรกิจขนาดเล็ก ที่อยู่ระหว่างการขยับขยาย ไปสู่ธุรกิจขนาดกลาง ไม่ว่าจะมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ หรือ ธุรกิจระดับโลกในอนาคตหรือไม่ก็ตาม ในช่วงรอยต่อระหว่างธุรกิจขนาดเล็กไปสู่ธุรกิจขนาดกลาง หลายธุรกิจไปได้ดี และ หลายธุรกิจเช่นเดียวกันที่ต้องล่มสลายในช่วงรอยต่อนี้!
มีหลายปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว แต่ประเด็นของวันนี้ จะชี้เฉพาะในเรื่อง ความรุ่งเรืองหรือความล้มเหลว ที่เกิดจาก เถ้าแก่ /เจ้าของกิจการ กับ ผู้บริหารจากภายนอกที่ไม่ใช่วงศาคณาญาติ แต่เป็นมือปืนรับจ้าง ระดับบริหารที่เจ้าของธุรกิจ เชื้อเชิญ ซื้อตัว มาจากที่อื่น
ขนาดองค์กรใหญ่ๆ ผู้บริหารระดับสูงที่เป็นมือปืนรับจ้างค่าตัวแพงๆ ยังไม่สามารถการันตีถึงความสำเร็จ หลายต่อหลายคน ต้องล้มเหลว ในระยะไม่นานเมื่อไปเจอสไตล์การบริหารแบบธุรกิจครอบครัวขององค์กรขนาดใหญ่ๆ ให้เห็นเป็นกรณีศึกษามากมายในบ้านเรา
เมื่อธุรกิจองค์กรขนาดเล็ก หรือขนาดกลางที่ต้องการใช้ความเป็นมืออาชีพของผู้บริหารจากภายนอกมาช่วยขยายธุรกิจ หรือ ยกระดับการบริหารการจัดการ สิ่งที่เกิดขึ้นมักจะเป็นอย่างนี้ครับ…
ขั้นแรก เป็นขั้นตอนที่เถ้าแก่ หรือ เจ้าของ มีความต้องการ ก็จะเล็ง สรรหาผู้บริหารมืออาชีพ จากสื่อต่างๆที่เคยได้ยินชื่อ หรือ ได้รับการแนะนำ
ขั้นที่สอง เมื่อได้พบ ได้พูดคุย ทำความรู้จัก เป็นช่วงเจรจาขั้นต้น ศึกษานิสัยใจคอ เบื้องต้นและวิสัยทัศน์รวมทั้งเป็นการทดสอบจากการพูดคุย…..ปัญหา จะเริ่มจากตรงนี้ คือ ต่างฝ่ายต่างถ้อยที ถ้อยอาศัย ต่างฝ่ายต่างชื่นชม รวมทั้ง ผู้บริหารมืออาชีพก็มักจะแสดงวิสัยทัศน์ที่ฟังแล้วเถ้าแก่อ้าปากค้าง กลับไปนอนฝันหวานถึงโอกาสที่ธุรกิจจะรุ่งเรือง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ความคาดหวังที่มีสูงกว่าความเป็นจริงก็เริ่มขึ้น!
ขั้นที่สาม หลังจากตกลงเจรจาค่าตัว ในเรื่องโครงสร้างผลตอบแทนไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ผลตอบแทนอื่นๆ ที่เป็นที่พอใจในเบื้องต้นแล้ว ก็เริ่มงาน ปัญหาก็จะค่อยๆเริ่มขึ้นอีกครั้งตรงนี้...
ผู้บริหารที่เป็นมือปืนรับจ้างจะเข้ามาพร้อมไฟที่แรง (แรงจนมอดไหม้ทั้งตัวเองทั้งธุรกิจของเถ้าแก่ไปก็หลายราย!) เข้ามาก็เริ่มสร้างความเปลี่ยนแปลง ใช้ความเป็นมืออาชีพในเรื่องการบริหารจัดการรูปแบบใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งแรกๆเถ้าแก่ เจ้าของกิจการก็จะตื่นตาตื่นใจ แต่เวลาผ่านไปไม่นาน ทักษะการบริหารการจัดการรูปแบบใหม่ๆชักจะเริ่มเป็นพิษ เพราะมันเข้ากันไม่ได้กับ วัฒนธรรมและ DNA ของเถ้าแก่ แรกๆพนักงาน ลูกน้องเถ้าแก่จะเริ่มต่อต้านแต่ไม่กล้าโฉ่งฉ่างเพราะต้องดูทิศทางลมของเถ้าแก่ แต่เมื่อเถ้าแก่เริ่มแสดงอาการไม่แฮปปี้ และเริ่มล้วงลูกมากขึ้น คราวนี้ก็ถึงคราวซวยของ ผู้บริหารรับจ้างที่จะเริ่มสะดุด!
ขั้นที่สี่ ซึ่งมักจะเป็นขั้นสุดท้ายจากนิยายที่เป็นชีวิตจริงของผู้บริหารรับจ้างในบ้านเราหลายคน พอๆ กับขั้นที่สี่ของโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายและมักจบลงด้วยความเศร้า…ก็คือต่างฝ่ายต่างแยกย้ายและแน่นอนฝ่ายที่แยกย้ายฝ่ายที่ต้องไปก็คือผู้บริหารรับจ้าง!
ระยะเวลาของขั้นตอนที่หนึ่งถึงขั้นตอนที่สี่ กรณีเถ้าแก่เป็นประเภทวัยรุ่นใจร้อน อย่างเร็วจะเกิดขึ้นภายใน 3 เดือน แต่ถ้าทั้งเถ้าแก่และผู้บริหารรับจ้างต่างฝ่ายต่างมีความพยายาม จนกระทั่งจบก็มักจะจบภายใน 6 เดือน มีน้อยรายมากที่ทั้งสองฝ่ายจะอดทนได้ถึง 1 ปี (สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง)
ถามว่างานนี้ใครได้ ใครเสีย? ก็เสียทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายเถ้าแก่ ที่เสียเงิน เสียเวลา บางครั้งอาจจะเสียโอกาสในช่วงรอยต่อของการขยายธุรกิจ ส่วนผู้บริหารรับจ้าง ก็เสียเวลา เสียความรู้สึก หรือบางคนอาจเสียประวัติจนเสียความมั่นใจไปเลยก็มี
คำถามถัดมา เถ้าแก่ เจ้าของกิจการ แลผู้บริหารมือปืนรับจ้าง และทุกท่านที่กรุณาอ่านคอลัมน์นี้ในวันนี้ได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
จริงๆ แล้วผมไม่ควร บังอาจ ไปชี้แนะว่าทุกท่านได้เรียนรู้อะไร เพราะทุกท่านมีมุมมองที่ดีที่แตกต่างจากประสบการณ์ที่หลากหลายของทุกท่าน แต่ไหนๆก็ไหนๆ เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขออนุญาตวิเคราะห์สิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันนี้…เป็น 2 ประเด็นหลัก
ประเด็นแรก ความแตกต่างระหว่าง เจ้าของเงิน(เถ้าแก่) กับ ผู้ที่ใช้เงิน หรือ บริหารเงิน (ผู้บริหารรับจ้าง) มักจะต่างกัน
เถ้าแก่…"ทำอย่างไรที่จะลงทุนน้อยสุดให้ได้กำไรสูงสุด" ผู้บริหารรับจ้าง "ทำอย่างไรจะให้งานประสบความสำเร็จโดยเร็วที่สุด(ไม่ว่าจะใช้เงินที่มีเท่าไหร่ก็ตาม!)"
ประเด็นที่สอง ความแตกต่างในเรื่องของ DNA ระหว่าง DNA เถ้าแก่ กับ DNA ของผู้บริหารรับจ้าง ซึ่งเป็น DNA คนละสายพันธุ์ ถูกหล่อหลอมมาคนละเบ้า เมื่อมาเจอกัน มีน้อยมากที่จะจับคู่ไปได้ดีส่วนมากมักจะเป็นคู่กรรม! แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะจับคู่กันไม่ได้ ถ้าจะให้การจับคู่มีโอกาสไปได้ดี…..
จุดเริ่มต้นที่จะส่งผลถึงจุดจบแบบร่วง หรือ รุ่ง ก็คือ...ทั้งสองฝ่าย(เถ้าแก่และผู้บริหารรับจ้าง) ต้องลดความคาดหวังที่มักจะเป็นความคาดหวังที่สูงกว่าความเป็นจริง โดยเปลี่ยน ความคาดหวัง เป็น ความเข้าใจ ใช้เวลาอันน้อยนิดของเดือนแรก เรียนรู้ซึ่งกันและกันให้มากที่สุด อย่ารีบโชว์ ออฟ เพราะยิ่งเรียนรู้ก็จะมีโอกาสที่จะสร้างความเข้าใจได้มากกว่า ความคาดหวังลมๆ แล้งๆ
ถ้าเริ่มต้นแบบนี้ได้ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความทุ่มเท และความสามารถ (รวมทั้งกรรมเก่า!)ของทั้งสองฝ่าย ยังไงก็ขอเอาใจช่วยทุกคู่นะครับ!
--------------------------
โค้ด
ระยะเวลาของขั้นตอนที่หนึ่งถึงขั้นตอนที่สี่ กรณีเถ้าแก่เป็นประเภทวัยรุ่นใจร้อน อย่างเร็วจะเกิดขึ้นภายใน 3 เดือน แต่ถ้าทั้งเถ้าแก่และผู้บริหารรับจ้างต่างฝ่ายต่างมีความพยายาม จนกระทั่งจบก็มักจะจบภายใน 6 เดือน มีน้อยรายมากที่ทั้งสองฝ่ายจะอดทนได้ถึง 1 ปี
ธีรพล แซ่ตั้ง