อาวุธสำหรับออกรบ
ถ้าแต่ละองค์กร เปรียบเสมือนเมืองแต่ละเมือง ถ้าการแข่งขัน ทางการตลาด การขายที่รุนแรงในภาวะปัจจุบันเปรียบเสมือนเมืองแต่ละเมืองที่กำลังรบพุ่งในยามศึกสงครามกันอย่างดุเดือด มีหลายปัจจัย ที่จะทำให้แต่ละเมืองล่มสลาย (สินค้า-บริการ องค์กร สูญหาย ตายไปจากตลาด) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ภาวะผู้นำ เรื่องของแม่ทัพขุนพล เรื่องของกลยุทธ์การรับ การรุกที่ต้องมี
แต่ประเด็นในวันนี้จะเน้นในเรื่องของ "อาวุธของทหารสำหรับออกรบ" ซึ่งก็หมายถึง การเตรียมความพร้อมและการติดอาวุธ ให้เครื่องไม้เครื่องมือ ให้การสนับสนุนพนักงานในการปฏิบัติงานท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด
ชีวิตจริงมักจะเศร้า เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องที่เราๆ ท่านๆ เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน….เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งกับบริษัทระดับโลกที่มีธุรกิจในไทย บริษัทใหญ่ๆ ของคนไทย รวมไปถึงบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก เรียกว่าเป็นกันหมด ก็คือ ให้มีดเล่มเล็กๆ แถมสนิมเขรอะอีกต่างหาก กับทหารเพื่อไปออกรบ ทำศึกสงคราม!
เรียกว่าต้องการชนะศึกแต่ไม่ให้อาวุธ ไม่ยอมลงทุน ไม่มีการสนับสนุนใดๆ ให้กับพนักงาน ที่หนักหน่อยก็ถึงขนาดจะจับเสือมือเปล่า ที่นอกจากจะล้มเหลวแล้วยังสูญเสียกำลังคนไปเรื่อยๆ เพราะไม่ยอมติดอาวุธ
อาวุธสำหรับพนักงานในที่นี้ หมายถึงอาวุธทั้ง 3 ระดับคือ 1.อาวุธทางกาย 2.อาวุธทางปัญญา 3.อาวุธทางใจ
เริ่มที่ "อาวุธทางกาย" กันก่อนนะครับ ในที่นี้ก็หมายถึงอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน อุปการณ์ในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า เครื่องไม้เครื่องมือในการทำงาน บริษัทที่ "รู้จักลงทุน"จะให้ความสำคัญและทุ่มเทงบประมาณในการให้อุปกรณ์การทำงานแม้กระทั่ง โน้ตบุ๊ค ให้กับฝ่ายขายในการติดต่อ นำเสนอสินค้า-บริการกับลูกค้าที่ได้ทั้งภาพลักษณ์ที่ดี ได้ทั้งยอดขายได้ทั้งความสะดวกรวดเร็วประหยัดเวลา (ไม่ได้หมายความว่าต้องซื้อโน้ตบุ๊คให้กับพนักงานขายทุกคนนะครับ) หรือ มีความพร้อมในเรื่องอุปกรณ์โทรศัพท์สำหรับพนักงานฝ่ายบริการลูกค้า หรือ ขายทางโทรศัพท์
ส่วนบริษัทที่ "ไม่รู้จักลงทุน" ก็มักจะใช้เงินไปกับการเช่าหรือซื้ออาคารสำนักงานตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ให้สุดหรูโดยเฉพาะห้องผู้บริหารระดับสูงและ CEO เพราะรู้สึกเป็นหน้าเป็นตาซะเหลือเกินอุปรกรณ์เครื่องใช้ทุกอย่างลงทุนไม่อั้นแต่กับพนักงานงานระดับปฏิบัติการ แทบไม่มีอาวุธ อุปกรณ์สำหรับการทำงานเลย! (จริงๆ ออฟฟิศ หรือห้องทำงานของผู้บริหารหรูหราไม่ผิดหรอกครับ แต่จะดูน่าเกลียดถ้าส่วนบนหรูจนฟุ่มเฟือยแต่ส่วนล่างซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการทำงานขาดแคลนขัดสน ถึงขนาด….จะเบิกปากกาแต่ละด้ามต้องอนุมัติ 4 ขั้นตอน 3 วัน!)
ส่วน "อาวุธทางปัญญา" ก็คือการเตรียมความพร้อม การฝึกฝน การฝึกทักษะ ทั้งทีมงานเดิมและทีมงานใหม่ แต่สิ่งที่พบในปัจจุบัน แทบไม่มีการฝึก หรือฝึกแบบประเดี๋ยวประด๋าวตามหน้าที่แล้วผลักไสไล่ส่งให้ไปออกรบให้ไปปฏิบัติงาน เรียกว่าไปติดต่อลูกค้าหรือรับการติดต่อลูกค้าโดยขนาดความรู้ ความเชี่ยวชาญ ต่อให้มีอาวุธก็ใช้อาวุธไม่เป็น ก็เรียบร้อยสิครับ
ส่วน "อาวุธทางใจ" เป็นเรื่องที่สำคัญต้องบอกว่าสำคัญมาก! เพราะแม้อาวุธทางกายไม่ค่อยดี อาวุธทางปัญญาพอมี แต่อาวุธทางใจ มีอย่างล้นเหลือคือการบริหารที่เอาใจใส่ให้ความสำคัญกับทีมงาน "อย่างจริงใจแบบจริงจัง" ก็ออกไปรบได้อย่างไม่ต้องกลัวอะไร แต่ถ้ามีอาวุธทางกายดี อาวุธทางปัญญาพอมี แต่ขาดอาวุธทางใจ เพราะรู้สึกว่าบริษัททอดทิ้ง ไม่ดูแลเอาใจใส่ ต้องการแต่ยอดขายแต่ไม่ให้การสนับสนุน ถ้าเป็นอย่างนี้ต้องเรียกว่า ตายตั้งแต่ยังไม่ออกรบแล้วครับ!
และทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว การทำธุรกิจในแต่ละปี ไม่มีง่ายขึ้น หรือหวานคอแร้งเหมือนอดีต มีแต่ยากขึ้น ยากขึ้นทุกปีทุกเดือน ลองตรวจสอบอาวุธทั้ง 3 ด้านที่ท่านต้องเตรียมให้กับพนักงานของท่านดูสิครับว่าตอนนี้ท่านขาด หรือ ท่านต้องเติมอะไรบ้าง ตั้งแต่
1.อาวุธทางกาย
2.อาวุธทางปัญญา
3.อาวุธทางใจ
หวังว่าคงไม่มีที่ไหนนะครับ ที่ขาดทั้ง 3 อย่างเลย! ถ้ามี….ก็รีบเติมรีบปรับเถอะครับ ไม่งั้นรอดยาก(มั่กๆ!)แต่ถ้าที่ใดขาดอะไรแล้วรีบเติมตั้งแต่ต้นปี
บางทีในปีหน้านี้อาจเป็นปีที่ท่านไปได้ไกลกว่าที่ท่านคิดนะครับ!
------------------
"ชีวิตจริงมักจะเศร้า คือ บริษัทใหญ่ๆ ของคนไทย รวมไปถึงบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก เรียกว่าเป็นกันหมด ก็คือ ให้มีดเล่มเล็กๆ แถมสนิมเขรอะอีกต่างหาก กับทหารเพื่อไปออกรบ ทำศึกสงคราม!"
ธีรพล แซ่ตั้ง