"เปลี่ยน"ก่อนจะ "ถูกเปลี่ยน"
ทุกวันมีสินค้า-บริการใหม่ๆ เกิดขึ้นนับร้อยนับพันบนโลกนี้ ทุกๆ วันพฤติกรรมของลูกค้าในแต่ละธุรกิจกำลังเปลี่ยนแปลงทั้งโดยที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว จากเทคโนโลยี จากสื่อต่างๆ ที่กำลังหล่อหลอมลูกค้า จากคู่แข่งที่แย่งกันเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ถ้าจะพูดให้สุดขั้วก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปทุกๆวินาทีเพียงแต่ใครจะได้รับผลกระทบทางบวกหรือผลกระทบทางลบเท่านั้น
แต่ก็ยังมีอีกหลายบริษัท หลายธุรกิจ ที่ยึดติดไม่ยอมเปลี่ยน ไม่กล้าปรับเพื่อรับหรือสร้างการเปลี่ยน จนกระทั่งถูกเปลี่ยนถูกบีบให้ออกจากธุรกิจไปในที่สุด
ถ้ายังมีบริษัทใดที่ "ยึดมั่น ถือมั่น" ว่า สินค้า-บริการ ว่าทักษะของพนักงาน ว่ากี๋นของผู้บริหาร ดีและเป็นเลิศ ทั้งยังกล้า(แบบบ้าบิ่น!)ที่จะคิดและทำธุรกิจโดยอาศัย สินค้า-บริการแบบเดิมๆ ใช้ทักษะแบบเดิมๆ ทำมาหากิน ผมคิดว่าเป็นการใช้ความคิดที่สิ้นคิดและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง!
อะไรบ้างที่เป็นสัญญาณบอกว่า ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง? ให้สังเกตปัจจัยหลักๆ 5 กลุ่มเหล่านี้ให้ดีๆ ได้แก่ ลูกค้า คู่ค้า คู่แข่ง ต้นทุน และทีมงานในองค์กร
ลูกค้า ลูกค้าใหม่เริ่มหายากขึ้น ขณะที่ลูกค้าเก่า ค่อยๆทยอยลดน้อยไป
คู่ค้า ที่เคยคุ้นเคย ที่เคยคุยง่าย เริ่มผิดปกติ เช่น ส่งมอบวัตถุดิบล่าช้า หรือคุณภาพลดลง หรือสะดุดเรื่องเงิน
คู่แข่ง จากที่ไม่ค่อยน่ากลัว เริ่มรุกกลับ เจาะยางเราโดยใช้ทุกวิถีทางในการดึงลูกค้าเราให้ไปเป็นลูกค้าคู่แข่ง
ต้นทุน สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายและกำไรลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทีมงานในองค์กร นอกจากไม่สร้างรายได้ แต่กลับเพิ่มปัญหา
ในสถานการณ์จริงของแต่ละธุรกิจ ปัจจัยหลักๆ ทั้ง 5 กลุ่มเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน แต่เมื่อเริ่มเกิดขึ้นข้อใดข้อหนึ่ง ก็จะเหมือนมะเร็งร้ายหรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น เริ่มต้นจาก คู่แข่งที่เล่นเกมแรง จนเริ่มส่งผลกับลูกค้าใหม่ที่นอกจากจะหายาก ลูกค้าเก่ายังถูกคู่แข่งเจาะยางไป
หรือ อาจจะเริ่มต้นด้วยปัญหาต้นทุนที่ส่งผลกระทบกับการบริหาร ลูกค้า บริหารคู่ค้า ไปจนถึงการบริหารทีมงานในองค์กร สรุปก็คือเมื่อเริ่มมีปัญหาในข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ข้ออื่นจะตามและตามมาอย่างรวดเร็วจนกระทั่งตั้งตัวไม่ทันก็มี!
คำถามก็คือ ทำไมต้องรอให้ปัญหามันเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงแล้วค่อยมาแก้ ? ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะสามารถรับมือรับศึกพร้อมๆกันหลายด้าน ที่สำคัญเมื่อปัญหามันรวมตัวกัน น้ำหนักของปัญหามันจะมากกว่าความเป็นจริง เพราะแก้เรื่องแรกยังไม่เห็นผล เรื่องสองเริ่มทวีความรุนแรง ปัญหาเรื่องสามส่งผลให้เรื่องแรกที่แก้ไปแล้วกลับมาเป็นปัญหาอีกรอบ มันจะวนเวียนวุ่นวายไปแบบนี้
คงไม่มีธุรกิจใด ไม่ว่าใหญ่หรือเล็กต้องการให้ เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการแก้ปัญหา หลายๆเรื่องพร้อมกันแบบนี้ เพราะขณะที่เรากำลังวุ่นวายกับปัญหา คู่แข่งคงไม่ปล่อยโอกาสทองในการฉกฉวยโอกาสใหม่ๆ ลูกค้าก็คงไม่รอให้เราแก้ปัญหาแล้วยังทนใช้บริการกับเราโดยไม่ไปใช้ที่อื่น
จากปัจจัยหลักๆ ทั้ง 5 ประการดังกล่าว จะเป็นตัวบังคับให้ท่าน "เปลี่ยน" แต่เรื่องที่น่ากลัวก็คือ เมื่อถูกบังคับให้เปลี่ยน โดยเฉพาะแบบตั้งตัวไม่ทัน ก็มักจะเป็นการเปลี่ยนแบบจำยอม แล้วเปลี่ยนก็ใช่ว่าจะรอด!
เหลืออยู่เพียงทางเดียวจริงๆ นั่นก็คือ อะไรบ้างที่ท่านสามารถ "คิด" และ "ปรับปรุง " จนถึง "เปลี่ยนแปลง" ได้ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อที่จะทำให้ท่าน และ ธุรกิจของท่านเปลี่ยนโดยไม่ได้ถูกบีบให้เปลี่ยน และเปลี่ยนเพื่อให้คู่แข่ง ผู้ตามอื่นๆ ต้องเปลี่ยน ตามสิ่งท่านทำ
แล้วธุรกิจของท่าน จะเป็นผู้เปลี่ยนคนอื่น ไม่ใช่ถูกคนอื่นทำให้ท่านเปลี่ยน! ลองคิดแล้วลองทำดูสิครับ!
*********************
เรื่องที่น่ากลัวก็คือ เมื่อถูกบังคับให้เปลี่ยน โดยเฉพาะแบบตั้งตัวไม่ทัน ก็มักจะเป็นการเปลี่ยนแบบจำยอม แล้วเปลี่ยนก็ใช่ว่าจะรอด!
ธีรพล แซ่ตั้ง