บริหารศักยภาพของตัวเองยังไม่ได้
จะเอาอะไรไปบริหารศักยภาพ ของทีมงาน !
@ เรื่องที่ทั้งน่าเห็นใจผสมกับความเศร้าใจ ของผู้บริหารทุกระดับในแต่ละธุรกิจมีอยู่หลายเรื่อง…….1 ในเรื่องที่บ่งบอกศักยภาพและผลงานที่ชัดเจน….ก็คือ เรื่องของการบริหารศักยภาพของตนเองและทีมงาน!
@ เรื่องที่น่าเห็นใจถัดมาก็คือ ผู้บริหารที่น่าสงสารเหล่านี้…….
1.ไม่รู้ว่าตนเองมีศักยภาพอะไรบ้าง?
เช่น บริหารงานหรือบริหารธุรกิจไปโดยยังไม่รู้ว่าตนเองมีศักยภาพและจุดแข็งในเรื่องใด รู้เพียงแต่ว่าทำธุรกิจแบบพออยู่รอดไปได้ คำถามก็คือ ถ้าไม่รู้ศักยภาพของตนเอง จะรู้และบริหารศักยภาพของทีมงานได้อย่างไร?
2.เข้าใจศักยภาพของตนเองผิด
เช่น มีทักษะในเรื่องความเขี้ยว ความขี้เหนียว และการเอารัดเอาเปรียบ คู่ค้า เอาเปรียบพนักงาน ซึ่งไม่ใช่ศักยภาพที่แท้จริงและไม่ส่งผลดีในระยะยาว กลับเข้าใจเอาเองว่าตนเองมีศักยภาพและจุดแข็งในเรื่องบริหารต้นทุน(บนความเจ็บปวดของคู่ค้าและพนักงาน) ย่อมไม่มีทางที่จะมองเห็นศักยภาพที่แท้จริงของทีมงานได้
3.มีศักยภาพแต่ไม่มีการต่อยอดและพัฒนาศักยภาพของตนเองให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
เช่น มีศักยภาพบางอย่างในเรื่อง การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าๆ แต่ไม่ได้พัฒนา ต่อยอดศักยภาพในการบริหารความสัมพันธ์กับฐานลุกค้ากลุ่มใหม่ๆเนื่องจากภาระงานที่ยุ่งวุ่นวายตลอดวัน ศักยภาพที่มีอยู่ก็ไม่ได้งอกเงยตามวันและเวลาที่ผ่านไป อย่างเก่งก็พออยู่ได้จากการทำธุรกิจกับลูกค้ากลุ่มเดิมๆ…ตราบใดที่ลูกค้ากลุ่มเดิมๆยังไม่โดนคู่แข่งที่เหนือกว่าค่อยๆดึงลูกค้าไป คำถามก็คือ…ลูกค้าเดิมๆจะอยู่กับเราทุกรายตลอดไปหรือไม่?
4.ไม่สามารถบริหารศักยภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนไม่สามารถบริหารศักยภาพของทีมงานที่มีให้เกิดประโยชน์กับองค์กร หน่วยงานและตัวของพนักงานเอง!
เช่น ผู้บริหาร หรือ เจ้าของกิจการ มีศักยภาพของตนเองสูงทั้งในเรื่อง การมองตลาด การสรรหาและการสร้างโอกาสใหม่ๆ รวมไปถึงการคิดค้น Campaign ที่แรงๆสร้างความแปลกใหม่ในตลาดได้เป็นระยะๆ แต่เนื่องจากศักยภาพที่สูง แทนที่จะบริหารศักยภาพของตนเอง โดยการถ่ายทอดศักยภาพบางอย่างที่มีให้กับมือรอง เพื่อจะได้มีเวลาในการ สร้างและดึงศักยภาพให้เกิดกับทีมงาน ก็มักจะวุ่นวายใช้ศักยภาพของตนเองอย่าง”ลืมมองข้างหลัง”
เมื่อตลาดถูกปลุกและสร้างขึ้นมาได้เป็นระยะๆด้วยความสามารถของผู้บริหาร/เจ้าของกิจการ แต่พนักงานที่มีอยู่ไม่สามารถรองรับโอกาสดีๆที่เกิดขึ้นได้ พูดง่ายๆก็คือ เจ้านายเก่งคนเดียว ลุกน้องที่มีอยู่เยอะแยะนอกจากจะไม่สามารถต่อยอดศักยภาพที่เจ้านายไปลุยมาให้ ยังทำลายโอกาสให้สูญเสีย เพราะลูกน้องไม่รู้ตนเองว่าจะต้องใช้ศักยภาพในเรื่องใดมาบริหารจัดการในสถานการณ์นั้นๆ!
ไม่ต้องแปลกใจที่จะมีเสียงบ่นในวงสนทนาระหว่างผู้บริหาร/เจ้าของกิจการในขณะนั่งกินข้าวคุยกันในลักษณะนี้ให้ได้ยินกันอยู่บ่อยๆแทบทุกวงการ…..
ผู้บริหารคนที่ 1. “ ผมละเบื่อจริงๆ ไ…้ ลูกน้องผมนี่ไม่รู้มันเอาสมองใส่หัวมาจากบ้านก่อนมาทำงานบ้างหรือเปล่า นอกจากจะทำงานช้าไม่ได้ดังใจแล้ว งานยังออกมาห่วยแตกอีกต่างหาก จะหาคนมาแทนก็ยังหาที่ ถูกใจไม่ได้สักที หามากี่คน กี่คนก็เป็นแบบนี้ทุกราย”
ผู้บริหารคนที่ 2. “ เหมือนกันเลยว่ะ ลูกน้องอั๊วก็ไม่มีอะไรพัฒนาขึ้นมาเลย อยู่กับอั๊วมาหลายปี เคยมีผลงานยังไง ทุกวันนี้ มันก็มีอยู่ เท่าเดิม ไม่มีอะไรที่จะบ่งบอกถึงความก้าวหน้าในเรื่องพัฒนาการให้เห็นเลย ยังคิดอยู่จะทำยังไงกับมันดี เห็นว่ามันอยู่มานาน จะจัดการอะไรก็กลัวเสียเวลาเปล่า เลยต้องปลงอยู่ทุกวันนี้”
คำถามทิ้งท้ายให้ลองคิด
1.คุณคิดว่า ระหว่างผู้บริหารคนที่ 1.กับผู้บริหารคนที่2. ……ใครที่โง่และไร้ศักยภาพในเรื่องการบริหารทีมงานมากกว่ากัน?
( กรุณาอย่าตอบว่า โง่และไร้ศักยภาพเท่ากัน เพราะจริงแล้ว….โง่และไร้ศักยภาพใกล้เคียงกัน แต่บางคนไร้ศักยภาพในเรื่องการสร้างและรักษา และบางคน โง่และไร้ศักยภาพในเรื่องการพัฒนาทีมงานที่ซื่อสัตย์ อยู่นานให้มีความสามารถเพิ่มขี้นตามวันและเวลาที่ผ่านไป…….เอ๊ะ เหมือนจะช่วยตอบไปแล้วยังไงชอบกล!)
2. คุณคิดว่า ลูกน้องของผู้บริหารทั้ง 2 คน จะคิดและมองผู้บริหารที่เป็นเจ้านายของตนเองว่าอย่างไรบ้าง?
( ลองเดาเล่นๆ ลูกน้องของผู้บริหารคนที่ 1.กับลูกน้องของผู้บริหารคนที่ 2. อาจจะคิดดังๆพร้อมกันแบบนี้ก็ได้
“ ไม่รู้ชาติก่อน ทำเวร ทำกรรมอะไรไว้…..ชาตินี้เลยต้องมาเป็นลูกน้อง เจ้านายงั่งๆแบบนี้ ที่ไม่เคยถ่ายทอด ไม่เคยสอนงาน ไม่เคยให้โอกาส มีแต่สั่ง สั่ง สั่ง จะเอาด่วน ด่วน ด่วน…..ไม่รู้ว่ายุ่งหรือจะรีบไปขึ้นสวรรค์หรือลง(…..)ที่ไหน! ได้แต่หวังว่าคงได้มีโอกาสไปพบ ไปเจอ ได้ไปทำงานกับเจ้านายคนใหม่….ที่รู้ว่าจะต้องใช้เราอย่างไร เราจะแสดงให้รู้ว่า…เราทำอะไรได้บ้าง!”)
คำถามแหย่ปิดท้าย
คุณเคยพบ ผู้บริหารที่มีลักษณะคล้ายกับผู้บริหารทั้ง 2 คนบ้างหรือเปล่า ? ห้ามพูดโดยเด็ดขาดนะครับว่า เป็นเจ้านายของคุณเอง! บ๊าย บาย….ไปล่ะครับ!
ธีรพล แซ่ตั้ง