กับดักของ "ทีมงานยุคก่อตั้งกับทีมงานรุ่นใหม่"
@ 1 ใน ปัญหาคลาสิคของผู้บริหารและเจ้าของกิจการขนาดย่อมไปจนถึงขนาดกลาง ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังคงเป็นปัญหาที่สร้างทั้งความ “ปวดหัว” และทำให้ “ปวดใจ”อยู่จนถึงทุกวันนี้ก็คือปัญหาในเรื่องของ“คน ที่เติบโตมาตั้งแต่ยุคก่อตั้ง หรือ ยุคแรกของธุรกิจ กับ คนรุ่นใหม่ที่เข้ามาทีหลัง” ที่ทำให้หลายๆธุรกิจไม่สามารถเติบโตหรือมีพัฒนาการที่ชัดเจน จนถึงย่ำอยู่กับที่…
@ โดยเฉพาะกับองค์กรที่ก่อตั้งมานานตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปจะพบปัญหาลักษณะนี้มาก ที่ไม่สามารถ หลอมรวมหรือผสมผสาน “คนยุคก่อตั้ง กับ คนรุ่นใหม่” ให้ไปในทิศทางเดียวกันได้ และนอกจากจะไม่สามารถหลอมรวมแล้วหลายองค์กรยังเกิดปัญหาวิกฤติที่เกิดจากความขัดแย้งของคนทั้งสองรุ่นอย่างชัดเจน!
ถ้าจะถามว่าอะไรคือสาเหตุ? ก็พอจะสรุปคร่าวๆได้หลายประเด็น ตัวอย่างเช่น…
1.ค่านิยมของผู้บริหาร-เจ้าของกิจการในบ้านเรา ที่มีความประนีประนอมและเห็นคุณค่าของคนเก่าคนแก่ และศักยภาพของ ผู้นำ-ผู้บริหารระดับสูง ที่ไม่สามารถหล่อหลอม “ความต่างของคนสองยุค”
การที่ผู้บริหาร-เจ้าของกิจการมีค่านิยมที่เห็นคุณค่าของคนเก่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะอย่างน้อย คนเก่าคนแก่ก็ช่วยก่อร่างสร้างธุรกิจมาด้วยกันตั้งแต่ต้น….แต่ในขณะเดียวกัน การเห็นคุณค่าไม่ได้หมายถึง การไม่ยอมพัฒนาศักยภาพของทีมงานยุคก่อตั้ง!
และการเห็นคุณค่า ไม่ได้หมายถึง การพยายามประนีประนอมแบบลูบหน้าปะจมูกเมื่อเกิดความขัดแย้งของคนทั้งสองรุ่น! เพราะบ่อยครั้ง เมื่อมีความขัดแย้งทั้งทางด้านความคิด หรือวิธีปฏิบัติงานของคนทั้งสองรุ่น สิ่งที่ผู้บริหารไทยมักจะทำ “จนเคยชิน”ก็คือ…
การพยายามรักษาน้ำใจแบบผิดๆจนกลายเป็นไม่มีหลักยึด เพราะต้องการเอาใจ และรักษาน้ำใจทั้งสองกลุ่ม โดยเรียกคนรุ่นเก่ามาพูดคุยในลักษณะปรับทุกข์ร่วมกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ให้คนรุ่นเก่ามีความรู้สึกว่า ผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการเห็นคุณค่า เห็นความสำคัญ และพร้อมที่จะเข้าอกเข้าใจ(ทั้งที่เจ้าของเองก็ทั้งเจ็บใจ ปวดใจ แต่ใจไม่ถึงพอที่บริหารความขัดแย้งที่เกิดขึ้น!)
หลังจากนั้นค่อยเรียกทีมงานรุ่นใหม่มาพูดคุยในลักษณะชื่นชมกับความมุ่งมั่น (จนทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งกับคนรุ่นก่อตั้ง) รวมทั้งชื่นชมทีมงานรุ่นใหม่ที่มีข้อเสนอแนะดีๆ แล้วปิดท้ายด้วยการปลอบใจคนรุ่นใหม่ให้พยายามเข้าใจ “วัฒนธรรมองค์กรแบบเดิมๆ”ของที่นี่….แล้วปล่อยให้ข้อเสนอแนะดีๆ หรือความขัดแย้งครุกรุ่นต่อไปอย่างเงียบๆ….จนกระทั่งเกิดผลเสียอย่างรุนแรงแล้วค่อยตาลีตาเหลือกมาแก้ไขสถานการณ์! (ที่สำคัญ เมื่อปัญหาของคนสองรุ่นหมักหมมมานาน การแก้ไขในขณะที่ปัญหาทวีความรุนแรง มักจะลงเอยด้วยความเจ็บปวดของทั้งเจ้าของกิจการ ทีมงานยุคก่อตั้ง และ ทีมงานรุ่นใหม่!)
2.ค่านิยม และวิธีคิด วิธีการทำงานที่แตกต่างกันของ “ทีมงานยุคก่อตั้ง” กับ “ทีมงานรุ่นใหม่”
ความต่างสุดขั้วของคนสองรุ่น นอกจากในเรื่องของอายุแล้ว ความมุ่งมั่นที่ลดน้อยถอยลงของทีมงานยุคก่อตั้ง ที่มักจะทำงานไปแบบประคองตัวเพราะอยู่ดีมีสุข เพียบพร้อมทั้งตำแหน่งและรายได้ ย่อมไม่ค่อยมีเหตุผลที่จะมุ่งมั่นและทุ่มเทเหมือนในยุคบุกเบิก
ในขณะที่ทีมงานรุ่นใหม่เข้ามาพร้อมกับความมุ่งมั่นและไอเดียที่หลากหลาย ไฟคุโชน ถูกเลี้ยงดูและหล่อหลอมจากสถาบันการศึกษาที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อตั้ง รวมทั้งมีความใจร้อนที่จะคิดที่จะทำและต้องการเห็นสำเร็จที่รวดเร็ว ก็มักจะทำให้ วิธีคิด วิธีปฏิบัติของคนสองรุ่น เกิดประทะจากแทนที่จะเป็นแรงบวกก็กลับส่งผลเป็นความขัดแย้ง จะเดินเกมรุก ก็เดินแบบสะดุด จะตั้งรับ ก็หลังบ้านรั่วจากคนสองยุค ผลสุดท้ายก็คือสร้างความถดถอยและความตกต่ำให้เกิดขึ้นกับหน่วยงานและองค์กร!
จากตัวอย่างปัญหาทั้ง 2 ประเด็นหลัก ถ้าจะถามว่า สาเหตูของปัญหาที่แท้จริง เกิดจากคนกลุ่มใด? ตอบแบบฟันธงไม่ต้องเกรงใจกันเลยว่า…. ปัญหาไม่ได้เกิดจาก “ทีมงานยุคก่อตั้ง” และ ปัญหาไม่ได้เกิดจาก “ทีมงานรุ่นใหม่” แต่ปัญหาที่แท้จริงเกิดจาก “ผู้บริหาร-เจ้าของกิจการ”!
ทำไมผมถึงคิดแบบนี้?
คำตอบที่ 1. ทำไมผู้บริหารไม่ใช้วิธีกระตุ้นและดึงศักยภาพที่เกิดจากประสบการณ์ของ “ทีมงานยุคก่อตั้ง”มาใช้ให้เป็นประโยชน์ กลับปล่อยให้ประสบการณ์สั่งสมจนกลายเป็นความเก๋าแบบผิดๆและบ่มเพาะจนกลายเป็นความเฉื่อยชาถ้าไม่โทษผู้นำ ผู้บริหาร เจ้าของกิจการแล้วจะโทษใคร?!
คำตอบที่ 2.ทำไมผู้บริหารไม่ใช้วิธีการ ดึงศักยภาพของ “ทีมงานรุ่นใหม่” ที่มีแนวคิดดีๆ และมีความสามารถที่แท้จริง แล้วมอบหมายโครงการนำร่อง โดยให้ “ทีมงานยุคก่อตั้ง” มีส่วนร่วม (แต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ!) แล้วผลักกลยุทธ์และแนวคิดดีๆที่เฉียบคมของ ทีมงานรุ่นใหม่ โดยมีประสบการณ์ของทีมงานรุ่นเก่าประคับประคองและเป็นพี่เลี้ยง? ถ้าไม่โทษผู้นำ ผู้บริหาร เจ้าของกิจการแล้วจะโทษใคร?!
@ เพราะฉะนั้น…. กับดักที่แท้จริงที่ทำให้เกิดปัญหาของ “ทีมงานยุคก่อตั้ง” กับ “ทีมงานรุ่นใหม่” ก็คือ เจ้าของกิจการ ที่ไม่กล้าที่จะหยุดนิ่ง เพราะรู้ว่าหยุดนิ่งไม่พัฒนาเมื่อไหร่ อันตรายก็มาถึงองค์กรเมื่อนั้น จึงต้องรับคนรุ่นใหม่เข้ามา แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่กล้าที่จะเดินไปข้างหน้า…เพราะเกรงใจทีมงานยุคก่อตั้ง!
@ ลองพิจารณา คำตอบที่ 1. และคำตอบที่ 2.อีกครั้ง... อาจจะทำให้ท่านและธุรกิจของท่าน…หลุดจากกับดักที่เกิดจากตัวท่านเองก็ได้นะครับ!
ธีรพล แซ่ตั้ง