ปัญหาอยู่ที่.... ผู้จัดการและหัวหน้า ไม่ใช่ลูกน้อง!
@ “ความคิดที่จะใช้อำนาจและความกลัว ไปผลักดันผู้ใต้บังคับบัญชานั้น กลับจะทำให้สมรรถนะการทำงานยิ่งลด ต่ำลง มีแต่การส่งเสริมซึ่งกันและกัน การให้กำลังใจ จะยิ่งทำให้พนักงานกล้าคิด กล้าทำและเกิดผลงานที่มีประสิทธิภาพ” นี่คือคำพูดของ โคโนสุเกะ มัตซูชิตะ ผู้ที่ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่ยังไม่จบชั้นประถมปีที่4และไปเริ่มงานเป็นเด็กฝึกงานตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบเพราะที่บ้านล้มละลาย จนกระทั่งท้ายสุดคือผู้ก่อตั้งบริษัท มัตซูชิตะ อีเล็คทริคฯ และได้รับการยกย่องเป็น เทพเจ้าแห่งธุรกิจของญี่ปุ่น...
@ สิ่งที่มัตซูชิตะพูด เป็นสิ่งที่เรามักจะมองไม่ค่อยเห็นในการบริหารคนของผู้บริหารกับลูกน้องในแต่ละองค์กรที่ทุกๆท่านทำงานอยู่... แต่สิ่งที่เราพบเห็นกันเป็นประจำก็คือ การใช้อำนาจด้วยความเคยชิน การสั่งแต่สอนไม่เป็น การดุด่าว่ากล่าวแต่ปราศจากการชมและการให้กำลังใจ ฯลฯ ปัญหาเรื่องคนไม่มากก็น้อยจึงมักจะเกิดจาก ความสามารถในการบริหารคนของหัวหน้าและผู้บริหารที่มีน้อยเกินไป !
@ มีหลายสาเหตุที่ทำให้ผู้จัดการและหัวหน้าทั้งหลายเป็นแบบนี้...ตั้งแต่ความเคยชิน วัฒนธรรมหน่วยงาน-องค์กร การหลงอำนาจ การมีค่านิยมแบบผิดๆ ไปจนถึง การไม่มี Coach คอยชี้แนะแนวทางในการบริหาร การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ให้กับผู้จัดการและหัวหน้าประเภทนี้...
@ ทางแก้แบบผิดๆที่มักจะใช้กันก็คือการจัดฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับลูกน้อง....แต่หัวหน้าและผู้จัดการประเภทนี้กลับไม่ได้รับการเรียนรู้ถึง ภาวะผู้นำและการเป็น Coach ที่ถูกต้องในการบริหารทีมงาน ! พูดง่ายๆวุ่นวายแต่การแก้ไขลูกน้องแต่หัวหน้าไม่ได้รับการแก้ไข ยิ่งแก้ยิ่งหงุดหงิดเพราะไม่เกิดผล พอยิ่งหงุดหงิดการสื่อสารของผู้จัดการและหัวหน้าประเภทนี้ก็ยิ่งเลวร้ายลง จะโทษใครดีล่ะครับ?
@ ทางแก้ที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ไม่แก้ไขไม่เพิ่มเติมศักยภาพของลูกน้อง ยังไงก็ต้องเติมต้องเสริม แต่เรื่องด่วนที่สุดและจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วที่สุดก็คือ จับหัวหน้าและผู้จัดการประเภทนี้ไปเรียนรู้แบบต่อเนื่อง เรียนรู้แบบมีการติดตามผลเพื่อปรับแก้รายบุคคล (ไม่ใช่การฝึกอบรมเพียง1วันแล้วจะเปลี่ยนชีวิตได้ทุกคนนะครับ!)
@ สิ่งที่ผู้จัดการและหัวหน้าประเภทนี้ต้องเรียนรู้ก็คือ....อะไรคือจุดอ่อนของตนเองในการบริหารคน ! เริ่มจากตรงนี้ แล้วค่อยขยับไปที่จะใช้จุดแข็งที่ตัวเองมีและเรียนรู้แนวทางการสื่อสาร การบริหารอย่างสร้างสรรค์กับทีมงานของตนเอง ที่มีทั้งคนที่ตั้งใจทำงาน คนที่ไม่ค่อยตั้งใจ คนที่สร้างปัญหามากกว่าสร้างผลงาน จะบริหารคนแต่ละประเภทอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของหน่วยงานและองค์กร
@ ผมเชื่อว่า คนที่เป็นหัวหน้าและเป็นผู้จัดการ ส่วนมากมีเจตนาที่ดี ที่ต้องการทำงานที่รับผิดชอบให้ประสบความสำเร็จ และต้องการให้ทีมงานประสบความสำเร็จ แต่ปัญหาอยู่ที่ “วิธีการบริหาร” ! ถ้าเจตนาดี แต่วิธีการผิดพลาด ยากที่จะได้รับการยอมรับและความทุ่มเทจากทีมงาน เพราะฉะนั้นลองปรับแก้วิธีการบริหารทีมงานให้เหมาะสม เรียนรู้ข้อผิดพลาดทั้งของตนเองและทีมงาน สิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของลูกน้อง แต่หัวหน้าและผู้จัดการจะรู้วิธีเปลี่ยนแปลงตนเองก่อนที่จะไปเปลี่ยนแปลงทีมงาน นั่นก็คือจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จในการบริหารทีมงาน ! ขอให้โชคดีกับการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีทุกๆท่าน เพราะถ้าไม่เปลี่ยน...ปัญหาเรื่องคนที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกิดจากพนักงาน แต่ปัญหาอยู่ที่หัวหน้าและผู้จัดการครับ !
โดย : อ.ธีรพล แซ่ตั้ง (TSC.,LTD.)