@ คงไม่แรงเกินไปใช่มั๊ยครับ ถ้าจะบอกว่า..ทุกวันนี้องค์กรส่วนมาก มีผู้จัดการประเภท “เสมือนไร้ความสามารถ” เดินกันให้พล่านอยู่จำนวนไม่น้อย ! ผมลองแบ่งผู้จัดการประเภทเสมือนไร้ความสามารถเป็น 3 กลุ่มหลักๆด้วยมุมมองส่วนตัว ผิดหรือถูกลองใช้วิจารณญาณของแต่ละท่านไปคิดกันต่อนะครับ.....
1.ผู้จัดการประเภท..รุ่นเก่า แต่เก๋าไม่จริง (หมายเหตุ : ผู้จัดการรุ่นเก่า แต่เก่งและพัฒนาตัวเองให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง และเป็นกำลังหลักขององค์กรก็มีนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมต่อว่าคนรุ่นเก่า !) ส่วนผู้จัดการประเภทรุ่นเก่า แต่ไม่เก๋าจริงนี้ อาศัยว่าอยู่มานาน บางคนอยู่มาตั้งแต่รุ่นบุกเบิก....ทุกวันนี้ยังมีตำแหน่งแต่ไม่มีบทบาท มีอำนาจแต่ใช้ไม่สามารถตัดสินใจได้ !
งานหลักๆส่วนมาก ก็เซ็นเอกสาร(ที่ไม่ค่อยสำคัญ) เข้าร่วมประชุม (ที่ไม่มีใครสนใจจะฟัง หรืออยากให้ร่วมประชุม) และเดินลอยไปลอยมา มักจะคุยแต่ความสำเร็จ(เล็กๆน้อยที่ไม่ใช่สาระสำคัญ)ในอดีตให้ลูกน้องนั่งทนฟัง.....แม้อดีตจะเคยเป็นขุนพลหลักร่วมบุกเบิก แต่ปัจจุบันเป็นไม้ประดับของแผนก เพราะไม่สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่ตลอดเวลาได้ (และไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองซะด้วย!)
2.ผู้จัดการประเภทกลางเก่ากลางใหม่ แต่หมดไฟไปแล้ว
ผู้จัดการประเภทนี้ อาจเคยมีความสามารถในบางเรื่อง หรือบริษัทเติบโตจึงได้รับการโปรโมต ให้เป็น และอาจเคยมุ่งมั่นขยันในตอนรับตำแหน่งใหม่ๆ แต่อยู่ไปอยู่มาไม่มีอนาคต หรือไม่ก็ศักยภาพของตนเองมีอยู่แค่นี้ ไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่านี้....ก็เลยทำงานไปวันๆ เช้าก็มา เย็นก็กลับ เผลอก็หลับ กินแล้วก็เรอเสียงดังอีกต่างหาก !
3.ผู้จัดการประเภท มือใหม่แบบงงๆ ผู้จัดการประเภทนี้ ส่วนมากมักจะเกิดกับองค์กรที่เติบโตเร็วเกินไป แต่คนไม่มีความพร้อม เรียกว่าทั้ง คุณวุฒิและวัยวุฒิก็ไม่เหมาะสม มือไม่ถึง องค์กรไม่ได้ฝึกฝน อบรมบ่มเพาะให้พร้อม เรียกว่าจำเป็นต้องให้เป็นก็ให้มันเป็นซะหมดเรื่องหมดราว ! ก็เลยมักจะไม่รู้บทบาทหน้าที่ของตัวเอง เรื่องที่ควรทำก็ไม่ทำ(เพราะไม่รู้และทำไม่เป็น) ส่วนเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะเป็นเรื่องจุกจิกหยุมหยิมก็ดันหมกมุ่นทำมันซะทั้งวัน (ลืมตัวคิดว่ายังเป็นพนักงาน !)
@ ถ้าจะถามว่า ผู้จัดการประเภทไหนสร้างผลงานได้ดีกว่ากัน....ตอบยากเพราะทั้ง3ประเภท สร้างปัญหาให้มากกว่า ! ผู้จัดการประเภทแรกส่วนมากจะสร้างความรำคาญ(เพราะปัจจุบันไม่มีบทบาท งานหลักก็พูดก็บ่นไปวันๆ) ส่วนผู้จัดการประเภทที่สอง อาจจะรักษาผลงานไปได้....แต่เป็นผลงานที่ไม่ค่อยได้ดังใจผู้บริหารระดับสูงและลูกน้องเก่งๆก็ทนอยู่ด้วยนานๆไม่ได้ หลงเหลือแต่ลูกน้องที่ร่วมด้วยช่วยหมดไฟไปด้วยกัน!
ผู้จัดการประเภทสุดท้าย น่าเป็นห่วง...เพราะส่วนมากมักจะทำให้งานล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ และมักจะทำลายลูกน้อง(ทั้งโดยตั้งใจและไม่เจตนา)มากกว่าสร้างลูกน้อง ด้วยความที่เป็นมือใหม่ ก็อาจจะตั้งใจทำงานแบบไร้สติแถมขาดปัญญา..
@ ถ้าองค์กรท่านมีครบทั้ง 3 ประเภท ลองเริ่มต้นแก้ไขและพัฒนาผู้จัดการประเภทที่ 3 ก่อน เพราะส่วนมากจะตั้งใจแต่ไม่รู้วิธี แล้วค่อยขยับไปกระตุ้น ยกระดับพัฒนาผู้จัดการประเภทที่ 2 เพื่อให้สร้างผลงานให้ชัดเจนขึ้น...ส่วนผู้จัดการประเภทที่ 1.ไม้แก่ดัดยาก....ถ้าไม่คิดมากก็ไม่ต้องไปทำอะไร ถือซะว่าทำบุญและตอบแทนบุญคุณในอดีตก็แล้วกัน !
โดย : อ.ธีรพล แซ่ตั้ง