1 คำถาม กับ สามคำตอบ!
@ ผู้นำระดับกลาง โดยเฉพาะระดับผู้จัดการ มักจะได้รับคำถามจาก CEO หรือผู้บริหารระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นการเจอกันโดยบังเอิญ หรือโดยเฉพาะในที่ประชุม...
คำถามนี้ก็คือ “ทีมงาน (หรือลูกน้อง) ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?”
@ ผู้จัดการคนแรก จะตอบอ้อมๆแอ้มๆ พร้อมกับแสดงสีหน้า เหนื่อยหน่าย หนักใจว่า “ก็พยายามทำกันอยู่ครับ แต่ผลงานยังห่างจากเป้าหมาย เพราะปัญหายังเหมือนเดิมครับ ยังไม่รู้จะแก้ยังไงดี มันหมักหมม มานาน...”
@ ผู้จัดการคนที่สอง จะตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า “ทีมงานก็เรื่อยๆครับ ผลงานก็อย่างที่เห็น บางคนก็พอไปได้ แต่ส่วนมากก็ยังติดปัญหาเดิมๆ ก็ต้องให้เวลาค่อยๆ แก้ไขพัฒนากันไปครับ”
@ ผู้จัดการคนที่สาม จะตอบด้วยความกระตือรือร้นว่า “ดีครับ! ทีมงานที่จัดอยู่ใน Level A ที่มีอยู่ประมาณ 20% เป็นกลุ่มที่สร้างผลงานหลักให้กับทีม ส่วนทีมงาน Level B ที่มีประมาณ 50% ก็สร้างผลงานได้ตามมาตรฐานที่ต้องการ และยังสามารถพัฒนา Level B บางส่วนให้ยกระดับเป็น Level A ได้ในเร็วๆ นี้ ส่วนทีมงาน Level C ที่มีผลงานอาจจะแตกต่างกว่าทั้งสองกลุ่มแรก ก็อยู่ในระหว่างการปรับเปลี่ยนทั้ง ทัศนคติ และทักษะ เพื่อให้ไปสู่ระดับ Level B ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าครับ”
@ เห็นความแตกต่างของผู้จัดการ 3 คนนี้มั๊ยครับ? คำถามเดียวกัน แต่คำตอบแตกต่างกันอย่างมาก!
ผู้จัดการคนแรก จัดอยู่ในประเภท “ผู้จัดการยอดแย่!” เพราะผลงานของทีมที่มีแต่ปัญหาและตัวผู้จัดการเองที่นอกจะแก้ไขไม่ได้แล้ว... อาจยังเป็นสาเหตุของปัญหา! ด้วยทัศนคติเชิงลบที่มองและติดอยู่กับปัญหา แต่ไม่ได้คิดหาวิธีที่จะแก้ ในหัวมีแต่ข้ออ้าง หรือคิดโทษโน่น โทษนี่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้จัดการแย่ๆ มักจะคิดและปฏิบัติกันจนกลายเป็นคุณลักษณะของผู้จัดการประเภทนี้ไปแล้ว... ถ้าท่านเป็น เจ้านายของผู้จัดการประเภทนี้ ท่านรู้สึกยังไงกับคำตอบของผู้จัดการประเภทนี้... ท่านยังคิดที่จะให้โอกาส และความก้าวหน้ากับคนประเภทนี้หรือไม่?
ผู้จัดการคนที่สอง จัดอยู่ในประเภท “ผู้จัดการดาษดื่น” ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น เป็นพวกพื้นๆ พบเห็นได้เป็นจำนวนมากในแต่ละองค์กร ผลงานไม่ถึงกับแย่ แต่อย่าไปคาดหวังอะไรกับผู้จัดการประเภทนี้ ถ้าท่านเป็นผู้บริหารระดับสูงของผู้จัดการประเภทนี้ ดูจากคำตอบ ก็พอมองเห็นศักยภาพที่มีจำกัด ไม่น่าจะได้รับโอกาสเติบโตก้าวหน้าไปมากกว่านี้อีกแล้ว...
ผู้จัดการคนที่สาม จัดอยู่ในประเภท “ผู้จัดการชั้นยอด” ด้วยศักยภาพในการ สร้าง พัฒนาทีมงานในแต่ละระดับที่มี โดยไม่ยอมให้มีทีมงาน Level D (ที่จัดอยู่ในประเภทแย่สุด แต่มีกระจัดการจายอยู่เป็นจำนวนมากในกลุ่มผู้จัดการสองคนแรก) ผู้จัดการประเภทนี้ เป็นทั้ง “นักสร้างคน” และเป็นผู้นำทีมที่ “สร้างผลงาน” ถ้าท่านเป็นผู้บริหารและมีผู้จัดการประเภทนี้เป็นลูกน้อง ท่านย่อมชื่นใจ และวางใจที่จะให้ผู้จัดการประเภทนี้ เติบโตก้าวหน้าไปได้อีกไกล...
บทสรุป... สำหรับ CEO หรือ ผู้บริหารระดับสูง ที่มีผู้จัดการครบทั้งสามประเภท... เป็นหน้าที่ของท่านครับที่จะต้อง รักษาและต่อยอดไปจนถึงส่งเสริม ผู้จัดการคนที่สาม / พัฒนาทั้งทัศนคติและทักษะเพื่อยกระดับความสามารถกับผู้จัดการคนที่สอง / ส่วนผู้จัดการคนแรก... ถ้าให้โอกาสแล้ว พัฒนาก็แล้ว ยังแย่เหมือนเดิม... หาผู้จัดการคนใหม่มาทำแทนเถอะครับ ก่อนที่ทีมงานของผู้จัดการประเภทนี้ จะเละเทะไปกว่านี้!
โดย : อ.ธีรพล แซ่ตั้ง