ความแตกต่างของ "ลูกจ้าง-พนักงาน-ทีมงาน"!
@ ถ้าดูเพียงผิวเผิน ความหมายของ "ลูกจ้าง/พนักงาน/ทีมงาน" ก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน เพราะต่างก็เป็นคนที่ทำงานแลกกับเงินเดือนจากเจ้านายเหมือนกัน...ถ้าคิดแบบนี้ ในยุคนี้..ถือว่าคิดผิดแล้วครับ!
เพราะจากประสบการณ์และมุมมองในเรื่องการบริหารคนของผม ผมคิดว่า "เราคิดและมองคนของเราอย่างไร...เราก็จะได้คนแบบนั้น!" ส่วนท่านผู้อ่านอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างก็ตามสะดวกครับ..
เรามาเริ่มกันที่ ถ้าเรามองคนของเราเป็น"ลูกจ้าง" บ่อยครั้งที่ "นายจ้าง"จะปฏิบัติกับลูกจ้างคล้ายๆคนใช้! หนักไปกว่านั้น..ออกแนวทาสเลยก็มี เช่น นึกอยากจะสั่งก็สั่ง นึกอยากจะให้ทำอะไรที่กลับไปกลับมาก็สั่งให้ทำ บ่อยครั้งที่ข่มขู่ ข่มขวัญ นึกอยากจะดุ อยากจะด่า ก็ด่าทันที! ด้วยความคิดและความเชื่อผิดๆที่ว่า "เราเป็นนายจ้าง จะทำอะไรก็ได้"!
เมื่อเราคิดและปฏิบัติแบบนี้ ในขณะที่ ลูกจ้างก้มหน้า ก้มตาทำงานไป มั่นใจได้เลยว่า มีที่ใหม่เมื่อไหร่ ลูกจ้างก็พร้อมจะไปทันที หรือไปแบบไม่ร่ำลา ส่วนที่ยังทนอยู่ก็ทนทำไป ไม่มีทางที่จะ ทุ่มเท เพราะไม่มีใครที่จะ "ทนและทุ่มเท"ในเวลาเดียวกันได้!
ส่วนเจ้าของ หรือ ผู้บริหารที่มองคนของตนเองเป็น "พนักงาน" ดูแล้วก็น่าจะใช้ได้ใช่มั๊ยครับ?..แต่ผมคิดว่ายังไม่ดีพอ! เพราะ ส่วนมากมักจะปฏิบัติกับพนักงานไปตาม หน้าที่ ที่ไม่มีอะไรมากกว่าแค่ คนกินเงินเดือน ไม่ค่อยมีคุณค่า ไม่ค่อยได้รับเกียรติอย่างที่ควรจะเป็น พนักงานก็คือพนักงาน จะเอาอะไรมากมาย ห้ามเรียกร้อง ห้ามบ่น และมักจะใช้ "กฏในการควบคุม" พนักงาน!
ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าพนักงานส่วนมาก ก็ไม่ได้ภักดีหรือใยดีกับองค์กร เมื่อองค์กรมองว่าเป็นแค่พนักงาน จะคาดหวังอะไรมากกว่าการ "ทำงานตามหน้าที่" แบบ "ไม่ค่อยทุ่มเท"ไปวันๆจาก พนักงาน!
แต่ถ้าเรา "คิดและปฏิบัติกับคนของเราแบบ ทีมงาน"...ผลที่อาจจะเกิดขึ้นจะเป็นแบบนี้ครับ...
1.ทีมงาน จะไม่ได้รู้สึกว่าตนเองเป็นแค่ พนักงาน หรือ ลูกจ้าง แต่รู้สึกมีส่วนร่วมในหน่วยงาน ในองค์กร พร้อมที่จะทำมากกว่าหน้าที่ และทำได้หลายบทบาท หน้าที่ เพราะทุกคนคือทีมเดียวกัน! และทุกคนได้รับการปฏิบัติจาก "ผู้นำ หรือ หัวหน้าทีม"แบบให้เกียรติ ไม่มีใครเป็นเจ้านาย หรือ เจ้าชีวิตของใคร ต่างกันที่ตำแหน่ง และหน้าที่ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ทุกคนได้รับเกียรติและศักดิ์ศรีไม่แตกต่างกัน!
2.ทีมงานจะทำงานไปด้วย เรียนรู้ไปด้วย พัฒนาไปด้วย เก่งขึ้นเรื่อยๆ...เป็นเพราะได้รับการ ชี้แนะ บ่มเพาะ-หล่อหลอมจาก หัวหน้าทีม หรือ ผู้นำ ที่พร้อมจะแลกเปลี่ยน เรียนรู้ร่วมกัน ในกรณีเกิดความผิดพลาด ทีมงานจะไม่ถูกดุด่า กล่าวหาว่าเป็นแพะ หรือถูกซ้ำเติม แบบที่ พนักงาน และ ลูกจ้าง เจอกันเป็นประจำ!
3.ทีมงานจะกลายเป็นตัวอย่างที่ดี ให้กับทีมงานรุ่นใหม่ๆที่เข้ามา ถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆ พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงให้กับน้องใหม่ ไม่ใช่สวมบทบาท พี่เลี้ยงใจร้าย หรือ พี่เลี้ยงจอมปล่อยข่าว พี่เลี้ยงผู้เชี่ยวชาญทำลายขวัญ ให้น้องใหม่ห่อเหี่ยว มีทัศนคติลบ แบบที่ พนักงาน และ ลูกจ้าง บางส่วนเป็นและทำกันอยู่ในแทบทุกองค์กร..เพราะได้รับอะไรแย่ๆมา ก็มีหน้าที่ส่งต่อความแย่ ความเลวร้ายให้เด็กใหม่รับรู้เร็วที่สุดตั้งแต่วันแรกของการทำงาน!
4.ทีมงานจะทำงาน โดยไม่ได้มองผลประโยชน์ หรือ เรื่องเงิน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด...เพราะสิ่งที่ทีมงานได้รับนั้น ได้รับผลตอบแทนอย่างสมเหตุ สมผล ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และยังได้รับความรู้สึกดีๆ ความปราถนาดีจากเพื่อนร่วมทีม จากหัวหน้าทีม ที่สำคัญ เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำให้คนอยู่หรือไป. ได้เงินเยอะแต่อยู่แล้วทุกข์ก็อาจอยู่ได้ไม่นาน ได้เงินอย่างที่ควรจะได้แบบมีเหตุมีผล แต่ได้ความรู้สึกว่า ที่นี่ใช่สำหรับตนเอง ก็อยู่ได้นานครับ!
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ที่หลายๆที่มีปัญหาเรื่องคน....เหตุผลอาจเป็นเพราะ เริ่มต้น "คิด กับคนของเราอย่างไร" เราก็จะเห็น "คุณค่า"คนของเราแบบนั้น และเมื่อเรา ตีคุณค่าตนของเราเป็นแค่ "ลูกจ้าง" หรืออย่างมากก็เห็นคุณค่าคนของเราเป็นเพียง "พนักงาน"...
สิ่งที่เราปฏิบัติกับคนเหล่านั้น ก็เป็นการปฏิบัติแบบ นายจ้างปฏิบัติแบบลูกจ้าง นายจ้างคือเจ้าชีวิต นายจ้างคือศูนย์กลาง ส่วนการปฏิบัติกับพนักงานก็แค่พนักงาน ไม่พอใจก็ออกไป หาใหม่ได้
ลองเปลี่ยน มุมคิด มองคนของท่านเป็น"ทีมงาน" และเริ่มปฏิบัติ - บริหารคนของท่านแบบทีมงาน..ผลของงานที่เกิดขึ้น จะแตกต่างอย่างที่ท่านคิดไม่ถึงเลยครับ!
โดย : อ.ธีรพล แซ่ตั้ง