ตอน: อย่าสอนให้รู้..ต้อง"สอนให้คิด!"
โดย ธีรพล แซ่ตั้ง
เสียงบ่นของบรรดาผู้จัดการของแต่ละหน่วยงานในหลายๆบริษัท มักจะบ่นคล้ายๆกันว่า...
ลูกน้องรู้ทั้งรู้ว่างานต้องทำยังไง แต่ก็ไม่เคยทำงานได้ดังใจ! ลูกน้องบางส่วน ไม่เคยสนใจที่จะเรียนรู้ว่าต้องทำอะไรและทำยังไง! ลูกน้องไม่มีพัฒนาการ ที่น่าสนใจก็คือ...สอนอะไรไป ไม่เคยจำ! ฯลฯ
เป็นทั้งความเคยชินและความเชื่อของบรรดาหัวหน้างานและผู้จัดการว่า "ถ้าสอนอะไรไปแล้ว ลูกน้องจะต้อง จำและทำได้!"(นี่ขนาดหัวหน้าหรือผู้จัดการ มีเวลาสอนงานนะ ถ้าไม่มีเวลาสอนงานหรือยุ่งทั้งวัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง!)
มาวิเคราะห์กันดีกว่าทำไมลูกน้องถึงเกิดปัญหาหลายๆอย่างในข้างต้น?
เป็นไปได้มั๊ยครับที่...ลูกน้องมีหลายแบบ และแต่ละแบบก็ถนัดในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน? เช่น บางคนเราแค่บอกหรือสอนคร่าวๆก็สามารถทำงานได้ บางคนเราต้องบอกรายละเอียดให้ชัดเจน ซักซ้อมทำความเข้าใจถึงจะพอทำได้ และบางคนแค่บอกเหตุผลที่ต้องทำและชี้แนะนิดหน่อยก็สามารถไปทำได้เลย!
ถ้าสาเหตุเป็นแบบนี้คือลูกน้องแต่ละคนมีความชอบ(จริต)ในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน แต่เรา"ถนัดและเคยชิน"กับการสอนทุกๆคน"ด้วยวิธีเดียวกัน"! คงต้องแก้ที่ตัวผู้สอน(หัวหน้า/ผู้จัดการ)ที่จะต้องเรียนรู้และใช้วิธีการสอนที่แตกต่างตามความชอบความถนัดของลูกน้องแต่ละประเภทครับถึงจะได้ผล! หรือ..เป็นไปได้มั๊ยครับที่..บรรดาหัวหน้าหรือผู้จัดการส่วนมาก "เน้นสอนให้รู้"แต่ไม่ได้ "สอนให้คิด!"?
การสอนให้รู้ จะง่ายและสะดวกกับคนสอน ก็แค่เตรียม(และมักจะเตรียมแบบลวกๆ หรือไม่ได้เตรียมซะด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าความเก๋าและประสบการณ์ของตัวเองมีมากเพียงพอที่จะสอน)
การสอนให้รู้ จะหนักไปทางพ่น พูดไม่หยุด พูดแบบเข้าใจเอาเองเป็นส่วนมาก โดยที่ลูกน้องส่วนมากไม่เข้าใจ! มีลูกน้องส่วนน้อยเท่านั้นที่พอจะเข้าใจ แต่ต่อให้เข้าใจ "ก็จะแค่รู้ แต่คิดไม่ค่อยเป็น" และ ที่ไม่ค่อยอยากไปทำตามที่สอนก็เพราะ"คิดว่าทำไปก็แค่นั้น" หรือ"ทำตามหน้าที่ไปวันๆพอ!"
การสอนให้รู้ จะปราศจากการสร้างแรงจูงใจ ลูกน้องส่วนมากถึงไปทำงานไม่ได้ดังใจ หรือไม่ตั้งใจ ไม่เต็มใจที่จะทำ! และต่อให้ทำได้ ก็จะคิดต่อยอดไม่ค่อยได้!
แต่"การสอนให้คิด"จะเป็นการสอนในลักษณะบ่มเพาะ หล่อหลอม เน้นการโน้มน้าว อธิบายถึงเหตุผลของสิ่งที่ควรทำ ทำเพราะอะไร จะเกิดผลอะไร และสิ่งที่ไม่ควรทำ ไม่ควรเพราะอะไร จะเกิดผลเสียอะไร..!
นอกจากนี้ "การสอนให้คิด"จะเน้น การตั้งคำถาม เพื่อให้ฉุกคิด เพื่อให้วิเคราะห์ เพื่อให้ค้นหาคำตอบที่จะมาสนับสนุนสิ่งที่เรียนรู้ สิ่งที่จะไปทำ และทำด้วยความเต็มใจ เพราะเข้าใจว่า จะทำหรือไม่ทำเพราะอะไร!
ความแตกต่างของการสอนให้รู้ กับ สอนให้คิดที่ชัดเจนอีกอย่างก็คือ การสอนให้รู้ ผู้สอน(หัวหน้า-ผู้จัดการ)จะสื่อสารทางเดียว แทบจะผูกขาดการพูดอยู่เพียงคนเดียว ลูกน้องจึงเบื่อหน่ายที่จะฟัง พาลทำให้ไม่น่าสนใจและสุดท้ายก็ไม่เข้าใจ เพราะเหมือนฟังเจ้านายนั่งบ่น นั่งพ่นจนกว่าจะหมดแรงบ่นไปเอง!
แต่การสอนให้คิด ผู้สอน(หัวหน้า-ผู้จัดการ) จะผสมผสานเทคนิคการ Coaching ในระหว่างสอน มีการตั้งคำถามให้คิด (Coaching By Question )มีเรื่องเล่าเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ (Story Telling) มีแม้กระทั่งให้ทดลองทำอะไรใหม่เพื่อให้เกิดการเรียนรู้(Experimental) ฯลฯ
ข้อดีของการสอนให้รู้คือ..ง่าย เร็ว สะใจผู้สอน! แต่ข้อเสียคือ...ปัญหาข้างต้นที่ลูกน้องไม่เข้าใจ ทำอะไรไม่ได้ดังใจ ไม่สนใจที่จะเรียนรู้ ไม่มีการพัฒนา ฯลฯ คุ้มมั๊ยล่ะ!?
การสอนให้คิด ต้องลงทุนเวลา ต้องใช้เวลา แต่ไม่ใช่การเสียเวลา!(อย่างน้อยประหยัดเวลาที่จะต้องไปตามแก้ปัญหาของลูกน้องในภายหลังอีกเยอะ!)
ต้องไม่ลืมว่า"ธรรมชาติของคนเรา ลึกๆไม่ชอบทำอะไรตามคำสั่ง ยิ่งไม่รู้ ไม่ชัดเจนในเหตุผลที่สั่งให้ทำ ก็ยิ่งไม่อยากทำ หรือทำก็ทำแบบไม่เต็มใจ" ซึ่ง การสอนให้รู้..รูปแบบและวิธีการ ก็คือการสั่งในรูปแบบการสอนนั่นแหละ!
และ"ธรรมชาติของคนเรา ชอบที่จะทำอะไรที่รู้สึกว่า อิสระ คิดเอง ตัดสินใจเองได้" ก็จะทุ่มเททำอย่างเต็มที่ เพราะรู้สึกว่า มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองคิดและทำ ซึ่งสอดคล้องกับ "การสอนให้คิด"ที่ไม่ได้ใช้รูปแบบการสั่ง แต่เป็นการโน้มน้าว เป็นการกระตุ้นให้คิดได้ด้วยตนเอง!
ถ้าไม่เชื่อ รบกวนหัวหน้าและผู้จัดการ ลองเปลี่ยนรูปแบบการสอนลูกน้อง จากที่ถนัด-ชิน-ชอบ กับการสอนให้รู้ มาลองสอนให้คิด ใช้เวลาสักนิด แต่จะได้คุณภาพงาน คุณภาพคนที่เป็นลูกน้องของท่านมากกว่าเดิมหลายเท่าแน่ ลองดูสิครับ!