เรื่องของ "ผู้จัดการ 3 คน"
@ เชื่อหรือไม่ว่า...ผู้จัดการ สามารถที่จะ “สร้าง หรือ ทำลาย” ทั้งหน่วยงานไปจนถึงองค์กรได้อย่างไม่ยากเย็น !
ลองดูตัวอย่างจาก ผู้จัดการทั้ง 3 คนนี้....แล้วค่อยตอบก็ได้ว่า....ใช่หรือไม่ !?
ผู้จัดการคนแรก....เราสามารถเรียกได้ว่าเป็น “อัจฉริยะในการทำลายล้าง ! ” ด้วยศักยภาพการทำลายดังนี้....
1. 1.ทำลาย “ขวัญและกำลังใจ”ของทีมงาน ได้ทุกๆวัน ด้วยสไตล์การบริหารและการสื่อสารแบบไม่สร้างสรรค์ เต็มไปด้วยความ อยุติธรรม อุดมไปด้วยความแล้งน้ำใจ ฆ่าลูกน้อง ฟ้องนาย ดีใส่ตัว ชั่วโทษลูกน้อง และอีกเพียบ !
1.2.ทำลาย ความร่วมมือที่ดีระหว่างแผนก เพราะปากแกว่งหาเรื่องไปได้ทุกแผนก โทษทุกหน่วยงานในกรณีเกิดความผิดพลาด(แต่โทษตัวเองไม่เป็น) และเชี่ยวชาญในการวิจารณ์แผนกอื่นแต่ไม่เชี่ยวชาญบริหารแผนกตัวเอง!
1.3.ทำลายลูกค้า ทุกๆวันโดยไม่รู้ตัว ด้วยการปล่อยปละละเลยไม่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกค้า ไม่สอนและไม่รู้วิธีสอนลูกน้องว่าต้องหาลูกค้ายังไง ต้องรักษาลูกค้าด้วยวิธีการใดบ้าง...บางคนถึงกับไม่เห็นความสำคัญของลูกค้า!
ผู้จัดการคนที่สอง..... เราสามารถเรียกได้ว่าเป็น “ผู้ที่อาศัยความสงบ..สยบความเคลื่อนไหว !” ด้วยสไตล์ดังนี้..
2.1.โลกจะเปลี่ยนไปเช่นไร...คู่แข่งจะเก่งขึ้นเพียงใด ลูกค้าจะฉลาดขึ้นขนาดไหน...ลูกน้องรุ่นใหม่ๆจะกระฉับกระเฉงมีไฟในการทำงานเพียงใดก็ตาม......ผู้จัดการประเภทนี้ ยังคง..เฉื่อย ไร้พัฒนาการ เกลียดการเรียนรู้
ไม่ดูโลกภายนอก บอกกับทุกคนว่าทำตามหน้าที่....รักษาความสามารถที่มี(เมื่อสิบปีที่ผ่านมา)
2.2.ไม่กล้าและไม่ชอบเปลี่ยนแปลง....บริหารแบบเรื่อยๆมาเรียงๆ (อาจจะเข้าใจผิดคิดว่าชีวิตตนเองอยู่แบบนี้ได้อีกเกือบร้อยปี!) ประคองตำแหน่ง หน้าที่การงานไปวันๆ (และอาจจะสวดมนต์ทุกคืนไม่ให้ใครมาแทนที่)
ผู้จัดการคนที่สาม.....เราสามารถยกย่อง(อย่างชื่นชม ไม่ใช่ประชด)ได้ว่าเป็น “ผู้จัดการชั้นยอด” ด้วยเหตุผล...
3.1.เมื่อได้รับมอบหมายงานหรือภารกิจจากผู้บริหารระดับสูง...จะไม่เริ่มต้นมองหาแต่ปัญหา(แบบผู้จัดการคนแรก)และจะไม่ลังเลหรือใช้เวลาคิดแผนหลายชาติภพ(แบบผู้จัดการคนที่สอง) แต่จะเริ่มต้นด้วยความกระตือรือร้น ไม่ว่าภารกิจจะยากหรือง่าย และเริ่มหาวิธีที่จะบริหารหรือจัดการอย่างสร้างสรรค์
3.2.เมื่อมีเวลา (และเชื่อว่าทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน เพียงแต่ใครจะใช้เวลาได้มีประสิทธิภาพมากกว่ากันเท่านั้น)ผู้จัดการประเภทนี้จะพยายามหาวิธี สร้างและเพิ่มศักยภาพทีมงานตลอดเวลา เพราะรู้ว่า...ยิ่งสร้างคนก็จะยิ่งสร้างงาน ยิ่งพัฒนาทีมงานก็จะยิ่งพัฒนาตนเอง !
@นี่ก็ปีใหม่แล้ว...ถ้ายังปล่อยให้มีผู้จัดการคนแรก (ยิ่งมีหลายๆคนในองค์กร) ก็แสดงว่า องค์กรของท่านคงมี “กรรมสัมพันธ์” ที่ผูกพันกันมาหลายชาติภพ โดยที่ท่านไม่กล้าตัดสินใจหรือทำอะไรให้เด็ดขาด ...ก็ไม่รู้จะว่าไงและก็ไม่รู้จะช่วยยังไง กล้าๆหน่อยครับ! เรียกมาคุย ไม่ดีขึ้น ก็เชิญให้ไปทำลายที่อื่น ไม่ต้องคิดมาก!
@ ส่วนผู้จัดการคนที่สอง ซึ่งมักจะมีเยอะซะด้วยสิในแต่ละองค์กร ก็ต้องพยายามพัฒนา พยายาม Coaching ให้ได้ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังคงไร้พัฒนา ก็ โปรโมตผู้จัดการรุ่นใหม่ๆให้มาทำหน้าที่แทน ส่วนผู้จัดการประเภทนี้ท่านจะเก็บดองไว้เป็นที่ระลึก หรือจะปล่อยให้หลุดไปตามระบบที่ต้องเน้นผู้จัดการที่มีคุณภาพ ก็แล้วแต่ท่านครับ!
@ สำหรับ ผู้จัดการคนที่สาม (ถ้ายังมีเหลืออยู่ในองค์กรของท่านนะ !) ก็ต้องยินดีด้วยที่ท่านมีคนคุณภาพที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนหน่วยงานและองค์กรของท่าน ไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัว แค่มุ่งมั่นรักษา และส่งเสริมผู้จัดการประเภทนี้ให้เต็มที่...เพราะสายพันธ์นี้แหละ ที่จะเป็นผู้เพาะพันธ์ที่ดีให้กับทีมงานส่วนที่เหลือ ให้องค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง....ที่สำคัญ ในฐานะผู้นำองค์กรท่านต้อง Back Up ผู้จัดการประเภทนี้ให้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวใครจะว่าลำเอียง...เพราะผู้นำที่เก่งๆจะต้องรู้ว่าควรลำเอียงกับใครเพื่ออะไรและไม่จำเป็นต้องอธิบาย !
@ ขออวยพรให้....องค์กรของท่าน ปราศจากผู้จัดการคนแรก และค่อยๆสูญพันธ์ผู้จัดการคนที่สอง รวมทั้งมีผู้จัดการคนที่สามให้มากๆ เมื่อนั้น...องค์กรของท่านก็จะหมดเคราะห์กรรมเสียที !
โดย : ธีรพล แซ่ตั้ง